Pages

Jul 5, 2005

ความกลัวเป็นเส้นแบ่งจินตนาการกับความจริง


....ในวัยเด็ก การเล่นสมมุติเป็นไอ้มดแดง,อุลตร้าแมน,ซุปเปอร์แมนหรือฮีโร่จาก
หนัง หลายๆเรื่องเป็นการเล่นที่สนุกที่สุด

....ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเป็นเพราะเชื่อในพลังพิเศษในหนังเหล่านั้น หรือแค่เล่นไป

ตามความซนของช่วงวัย วันเวลาผ่านมาจินตนาการถูกทิ้งไว้กับเด็กคนนั้น การสะสม
ความจริงในแต่ละวันของการเติบโต ในโลกที่การจะเหาะเหินไปบนฟากฟ้าแบบ
ซุปเปอร์แมนเป็นเพียงเรื่องของคนช่างฝัน เราก้าวข้ามฟากฝั่งของจินตนาการมาอยู่
ในฝั่งของความจริง ความจริงที่ก่อให้เกิดความกลัวเพราะการถูกแมงมุมพิษกัดคง
ไม่ใช่การได้มาของพลังพิเศษแบบสไปเดอร์แมนแน่ๆ ในโลกความจริงของผู้ใหญ่
....หรือว่าพลังเพียงอย่างเดียวที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเราจะมีได้คือ ความกลัว

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นในโลกหม่นๆใบนี้ ก็ยังพอมีฮีโร่อยู่คนนึงที่มีความกลัวไม่ต่างจาก
คนทั่วไปนั่นคือมนุษย์ค้างคาว[ Batman] เพราะการรู้จักและจัดการกับความกลัว
คือ พลังที่แท้ของมนุษย์ค้างคาวตัวนี้

....ฮีโร่อย่างซุปเปอร์แมน แตกต่างกับแบทแมนตรงที่มาของพลัง การมาจากดาว

ดวงอื่น ทำให้เค้ามีพลังเหนือคนทั่วไปติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรือการที่สไปเดอร์แมน
ได้พลังพิเศษมา จากพิษของแมงมุม ก็น่าจะอยู่ในข่ายเดียวกันคือมีพลังพิเศษเกิด
ขึ้นก่อนแล้วจึงนำไปใช้
....จุดเริ่มต้นของแบทแมนไม่ใช่อย่างนั้น ความหลังในวัยเด็กของทายาท

มหาเศรษฐี ก่อนที่จะเปลี่ยนตัวเองจนมีเงาอีกด้านภายใต้ผ้าคลุมสีดำ
คือความฝังใจใน ความกลัวที่เค้าเคยตกลงไปในหลุมลึกลับที่มีฝูงค้างคาว
ซ่อนตัวอยู่ ค้างคาวคือความกลัวต่อชีวิตที่ก่อตัวขึ้นกับเด็กคนนึง การเฝ้าโทษ
ตัวเองที่ทำให้พ่อ และแม่ถูกโจรขี้ยาข้างถนนฆ่าตายเพียงแค่ต้องการเศษเงิน

เป็นราตรีกาลของ เด็กคนหนึ่ง ที่ได้ก้าวข้ามความฝันที่งดงามมาสู่ความจริงที่มืดมน

....เค้าฝังใจว่าเพียงเพราะความขลาดกลัวของเขาทำให้สูญเสียสิ่งที่รักไป การวิ่ง
หนีออก
จากความจริงที่โหดร้าย คือสิ่งเดียวที่เค้าทำได้การละทิ้งมรดกมหาศาล
ออกเดินทางไปเรียนรู้ความกลัว เรียนรู้ตนเองในดินแดนที่แสนห่างไกล
....ความโกรธและความกลัวถูกปรับเปลี่ยนเป็นพลังมหาศาลแต่หากไม่มีวิธีที่จะ

จัดการ มันก็ เป็นเพียงแค่การทำลายล้างเท่านั้นเอง การได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ใน
หลายรูปแบบ การรู้จักอาวุธ และวิชาการป้องกันตัวเป็นการขัดเกลาความโกรธ
และจัดการกับความกลัว แต่สิ่งที่ยากกว่าความเหนื่อยยากในการฝึก คือการตอบ
คำถามง่ายๆว่า

....ความกลัวอันใดที่เค้ากำลังวิ่งหนีอยู่?

....หากพบคำตอบนั้น เค้าจะพบพลังของความเชื่อมั่นที่จะกลับไปพบเจอกับ

ความเป็นจริงที่จะ ไม่มีความกลัวใดๆเข้ามาทำลายเขาได้อีก
....การกลับมาที่คฤหาสน์ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวที่ต้องยอมรับบทบาทใน

โลกความจริง ผู้สืบทอดธุรกิจมหาศาลของครอบครัวเป็นเพียงแค่ “ภาระ”ที่ต้อง
จัดการ แต่”หน้าที่”จริงๆของเขา อยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำที่ห่มคลุมความโกรธ
ว้ภายใต้รูปแบบของสิ่งที่เป็นปมฝังใจเค้ามาตลอด ....ชุดค้างคาว
....การเดินทางท่องไปอย่างโดดเดี่ยว ภายใต้หมอกของราตรีกาลเพื่อ
ค้นหา
ความจริง รื้อถอนความอัปลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ในความเจริญงอกงามของ มหานคร
หรืออีกนัยหนึ่ง คือการออกไปมองหาคุณค่าของความเป็นคนในโลกของ
ความเป็นจริงที่โหดร้าย

....ขอบเขตของความเป็นมนุษย์ค้างคาวคือ การเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ การใช้

เงินมหาศาลที่มี เพื่อออกแบบอุปกรณ์อาวุธที่จะช่วยเสริมพลังของเขา เพราะพลัง
ที่เค้ามีคือพลังที่ได้จากการฝึกฝน จนเกิดความชำนาญไม่ใช่พลังพิเศษเหนือ
ธรรมชาติใดๆ แม้ว่าหากมองจริงๆตัวตนในคราบของ มหาเศรษฐีนั้นอาจเป็นเพียง
หน้ากากที่สวมทับมนุษย์ค้างคาว ที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาไว้อย่าง แนบเนียน
....แต่ความแตกต่างระหว่างการใช้พลังที่มีอยู่เพื่อการแก้แค้นหรือเพื่อความยุติธรรม

มันใกล้เคียงกันจนแยกแทบไม่ออก การแก้แค้นเป็นเพียงการสร้างความพอใจให้กับ
ตนเอง แต่ความถูกต้องยุติธรรมคือการทำเพื่อผู้อื่น

ความเชื่อจะเป็นสิ่งเดียวเท่านั้น ที่กำหนดการแสดงออกว่า
จะเป็นไปในทางใดเพราะ
ความเชื่อวางเส้นทางให้ชีวิตแต่ความกลัวชี้ทิศทางให้ความเชื่อ

....คนธรรมดาทุกคนมีพลังความกลัว แบบเดียวกับที่มนุษย์ค้างคาวมี ความกลัว
ต่อความไม่มั่นคงของชีวิต กลัวการสูญเสียความสุข ความพอใจหรือความตาย
การฝึกฝนตนเองและจัดการกับความกลัวเหล่านั้น จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นโดย
ไม่ต้องไปเรียกร้องหาพลังพิเศษหรือพรสวรรค์ใดๆและอาจจะมีซักวันที่เราตอบ
คำถามที่ว่า เรากลัวและกำลังวิ่งหนีสิ่งใดอยู่?

....ในโลกแห่งความจริง การไม่ละทิ้งจินตนาการและพยายามที่จะเดินก้าวผ่าน
ความกลัวที่แบ่งโลกทั้งสองไว้ การฝึกฝนเรียนรู้ตัวเองหรือแม้แต่การยอมรับ
ความอ่อนแอของตัวเอง เพื่อค้นหาเสื้อคลุมให้กับความฝัน เราอาจมีตัวตนอีก
ด้านหนึ่งซึ่งจะเดินทางคู่ขนานไปในราตรีกาล........ของชีวิต

เพราะการได้เล่นเป็นตัวของตัวเอง คือความสุขของชีวิต

Jakksky
July 4 2005 Independence Day
New York






No comments: