Pages

May 3, 2005

อุปกรณ์ประกอบความคิด



เวลาที่เห็นผลงานที่เกิดจากความสร้างสรรค์ ก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า"คิดได้ยังไง"
แต่หลังจากนั่งคิดหาคำตอบของคำถามนั้น อาจได้คำถามอีกอันที่จะมาพร้อมกันคือ
"ทำได้ยังไง"แถมมาอีกหนึ่งคำถาม

โลกเปลี่ยนกระบวนการแสดงความคิดมาตลอดเวลา
ไม่แน่ใจว่ามนุษย์ยุคหินนั้นพูดจากันยังไง แล้วถ้าพูดเค้าพูดภาษาอะไรกัน
แต่จากการค้นพบภาพวาดในถ้ำโบราณของมนุษย์ในยุคนั้น
ทำให้แน่ใจว่า สัญชาตญานอย่างนึงของคน คือ การถ่ายทอดความคิด

มีโฆษณาเหล้ายี่ห้อนึงที่ทำภาพประกอบง่ายๆ ในเรื่องนี้ไว้ได้น่าสนใจดี
บนพื้นกระดาษสีดำมีเส้นสีเหลืองลากจากปลายข้างขวามาจรดที่ปลายข้างซ้าย
สัญลักษณ์แรกบนเส้นสีเหลืองคือรูปไฟ ต่อมาเป็นรูปล้อรถ

ถัดมาเป็นรูปเครื่องเล่นเพลง ตามด้วยรูปแผ่นดิสที่เป็นตัวแทนของยุคคอมพิวเตอร์
ก่อนที่จะไปถึงปลายข้างซ้ายที่เป็นรูปคนเดิน คือ เครื่องหมายคำถาม

หากมองในสายตานักโฆษณา นี่เป็นงานโฆษณาที่ฉลาดทีเดียว
ในขณะเดียวกันมันก็เป็นการใช้อุปกรณ์สื่อสารที่ย่อยสาระยากๆ

มาไว้ด้วยความเรียบง่าย เอาละ เราไม่ได้กำลังพูดเรื่องงานโฆษณานะ!

ในโลกตอนนี้ที่อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่จะถ่ายทอดความคิดมีหลากหลาย
สำหรับนักคิดทั้งหลายคงเหมือนมีกล่องดินสอขนาดมหึมาที่บรรจุ
อุปกรณ์ที่บางอันเราอาจไม่เคยเห็นมาก่อนในชิวิต ไม่รู้แม้กระทั่งมันมีไว้เพื่อทำอะไร
แล้วเราจะเลือกใช้มันอย่างไรดี

โปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจช่ายเราสร้างภาพที่แปลกออกมาแบบที่เรายังนึกไม่ถึง
การสร้างเสียงแปลกประหลาดในเพลงอาจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
แต่จะมีใครบอกได้ไหม การสร้างภาพที่เต็มไปด้วยเทคนิค

หรือเสียงที่แปลกประหลาด เพียงอย่างเดียว คือการสื่อสารผลงานที่ดี

เราน่าจะตั้งคำถามกับตัวเองให้ได้ก่อนว่า
เราควรจะเรียนรู้เทคนิคการใช้อุปกรณ์เหล่านั้น
หรือ เราควรจะเรียนรู้ที่จะใช้ความคิดของเราก่อนที่จะใช้
ความพิเศษของเครื่องมือเหล่านั้นแสดงผลเทคนิควิธีคิดของเรา

มีนิทานเรื่องนึงมาเล่า
ในยุคสมัยแห่งการคิดค้นทดลอง มีหนุ่มนักคิดคนนึง
ที่มักจะอธิบายเรื่องที่คนอื่นไม่ค่อยจะเข้าใจ
เขามักจะจดมันไว้ที่สมุดที่เต็มไปด้วยตัวเลขและการคำนวณ
เค้าบอกใครต่อใครว่านี่ป็นคำที่จะใช้อธิบายโลก แต่ก็มีคนต้องการ
ให้เค้าอธิบายมันให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เค้ายังก้มหน้าก้มตาจดอะไรของเค้าต่อไป
เมื่อเค้าจากไป โดยที่ไม่มีโอกาสทดลองสิ่งที่เค้าคิด
นักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้เอาทฤษฏีที่อ่านยากเหล่านั้น
มาทำการทดลองพบว่าทฤษฏีเหล่านั้นสามารถอธิบายสิ่งต่างๆได้ถูกต้อง
แม้แต่ระเบิดปรมนู ก็มาจากไอ้ตัวเลขอ่านยากในสมุดของเขา
ใช่แล้วครับ นักคิดคนนั้นชื่อ ไอน์สไตน์

นิทานเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า

ในวันที่อุปกรณ์สื่อสารมีเยอะแยะจนตาลายและเรียนรู้ที่จะใช้มันแทบไม่ทันนี้
เราควรจะวิ่งตามวิธีใช้และผลที่แสนมหัศจรรย์ของมันเพียงอย่างเดียว
หรือ ควรจะเดินไปช้าๆกับความคิดของเรา แล้วค่อยเลือก
อุปกรณ์บางอันจากกล่องดินสอมหึมาในวันนี้ มาใช้ในแบบที่เราถนัดกันแน่

เพราะ ความคิดดีๆ อาจต้องการเพียงแค่กระดาษและดินสอเท่านั้น
ส่วนอุปกรณ์ที่ทันสมัย คือตัวขยายมันเท่านั้นเอง
Jakksky
May 3 2005
New York


No comments: