Pages

Jul 16, 2008

น้ำ ไฟ รถเมล์ ลิเกของรัฐบาล

เรากำลังเดินสู่ความเป็นประเทศผู้นำแห่งพรรคกระยาจก

เข้าใจครับว่า ไอ้ปัญหาเงินเฟ้อที่จนถึงทุกวันนี้ผมก็เข้าใจมันไม่กระจ่างนัก
จะต้องแก้ไขด้วยข้อดีบางประการของ 6 มาตรการประชานิยมเหล่านี้

1 ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
แก๊สโซฮอล์ลดลง 3.88 บาท/ลิตร
ดีเซลลดลง 2.71 บาท/ลิตร
ดีเซลบี 5 ลดลง 2.47 บาท/ลิตร
(มีผล 25 ก.ค.. 51)

2ชะลอปรับราคาก๊าซแอลพีจีในครัวเรือน

3 ใช้น้ำประปาไม่เกิน 50 ลูกบาศก์เมตร / เดือน ใช้ฟรี!

4 ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วย/เดือน ใช้ฟรี!

5 รถร้อน ขสมก. 800 คัน ขึ้นฟรี

6 รถไฟชั้น 3 ขึ้นฟรีทั่วประเทศ (มีผล 1 ส.ค. 51)

แต่ผมก็ยังนึกขัดในใจตั้งแต่ไอ้แนวคิด "คูปองคนจน" แล้วละครับ สุดท้าย
มันถูกแปลงออกมาเป็นตำราหนีตายช่วง 6 เดือนนี้ของรัฐบาลที่บ่นมากกว่าทำงาน

ดูรายการตาสว่างเมื่อคืน มีนักวิชาการด้านเศรษฐศาาสตร์และการเมือง ช่วยเพิ่มมุมมอง
ว่าเป็นมาตราการที่จำเป็นเพื่อ "ไม่ให้สถานการณ์เลวไปกว่านี้" และชวนคิดว่า ในแง่ดี
นี่เป็นมาตราการรณรงค์ให้คนประหยัดพลังงานในอีกทางหนึ่ง?

ไม่ครับ! อย่าพยายามมองนโยบายที่สอนให้เราได้อะไรมาโดยไม่ต้องทำอะไรในแง่ดีเลยครับ
อย่าเฮไปกับ "ความช่วยเหลือ" ที่ไม่ได้กระตุ้นการเปลี่ยนแปลง ผมในฐานะนักวิชาการทาง
ไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาก็ไปกิน "กุ้งกระทะ"แบบบุฟเฟ่หัวละ 119 บาท
ได้เห็นคนไทยที่ยากจนในสายตารัฐบาลแน่นร้านเลยครับ!ทำให้ผมอยากบอกว่าว่า
คนไทยเราไม่ได้ลำบากอะไรเลยครับ เราไม่มีกฏหมายการแยกขยะเหมือนญี่ปุ่น
เราไม่มีฤดูหนาวที่หิมะตกจนทำอะไรไม่ได้เหมือนอเมริกาและยุโรป เรายังมีอาหาร
ที่ถูกและแพงให้เลือกได้มากมายมันขึ้นอยู่ว่าเรา "ปรับ" ตัวเองให้ "เปลี่ยน" ไปบ้างรึเปล่า
เรา "ลำบาก" กันขึ้นอีกนิดดีไหมเพราะไม่เช่นนั้น รัฐบาลจะเอากระแป๋งบุบๆ มาวางหน้าเรา
แล้วโยนเศษเงินมาให้ เพื่อให้เรารู้สึกว่างบ 4.6 หมื่นล้านที่ลิเกคณะนี้ทุ่มทุนจัดฉากสร้างมาให้
เป็นของขวัญแด่ "คนจน" อย่างพวกเรา

ผมไม่ได้มองภาพกว้างว่า "มันเป็นการช่วยเรื่องเงินเฟ้อ" หรือภาพแคบว่า "มันช่วยพยุงคนจน"
แต่ผมมองภาพรวมๆ ว่า "นี่คือแนวคิดที่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นขอทานครับ"

เพราะฉะนั้น ถ้าเรายังนั่งอยู่หน้าคอม ไม่ใช่หน้าสะพานลอย อย่า เฮ! กับนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้
เตรียมไว้เผื่อโดนยุบพรรค เพราะนั่นหมายความว่า คุณกำลังสนับสนุนแนวคิดพรรคใหม่ของ
ลิเกคณะนี้ที่น่าจะชื่อว่า "พรรคกระยา่จก" ที่สนับให้พวกเราออกวิ่งขอทานทั้งที่ร่างกายยังดีอยู่
มากกว่าให้พวกเราฝึกซ้อมเทคนิคเฉพาะตัวเพื่อแข่งกับ "คนจน" อื่นๆ ทัวโลกที่เขา
"แข่งกันทำ" ไม่ใช่ "แข่งกันขอ"


แจ็คสกาย
16 มิ.ย. 51

No comments: